กรมชลประทาน ยังคงดำเนินการบริหารจัดการน้ำ เพื่อไล่ความเค็มที่รุกเข้ามาในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสายหลักต่างๆอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าความเค็มโดยรวมทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ ไม่กระทบต่อการผลิตประปา


นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้จับมือกับ กปน. ภายใต้ปฏิบัติการ Water Hammer Operation เป็นการเพิ่มปริมาณน้ำจืด เพื่อนำไปใช้ผลักดันและเจือจางค่าความเค็มบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล ส่งผลให้ค่าความเค็มบริเวณดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยค่าความเค็มบริเวณจุดเฝ้าระวังในพื้นที่ต่างๆ(27 มี.ค. 63) วัดได้ดังนี้ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานีประปาสำแล 0.17 กรัมต่อลิตร , แม่น้ำท่าจีน ที่สถานีปากคลองจินดา 0.22 กรัมต่อลิตร , แม่น้ำแม่กลอง ที่สถานีปากคลองดำเนินสะดวก 0.10 กรัมต่อลิตร และแม่น้ำปราจีน-บางปะกง ที่สถานีปราจีนบุรี 0.12 กรัมต่อลิตร ซึ่งแม่น้ำปราจีน-บางปะกงจำเป็นต้องควบคุมค่าความเค็มตลอดทั้งปี เพื่อให้สามารถผลิตน้ำประปาสนับสนุนโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้อย่างต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโรคไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ แต่กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้าบริหารจัดการน้ำ เพื่อผลักดันและควบคุมค่าความเค็มที่รุกล้ำเขามาในแม่น้ำต่างๆอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้สนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือในการผันน้ำหรือลำเลียงน้ำอาทิ การติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำในคลองพระยาบันลือ 88 เครื่อง คลองพระพิมล 18 เครื่อง เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาไปผลักดันและเจือจางค่าความเค็ม ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการผลิตประปาตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมใจกันประหยัดน้ำด้วย



























