วันนี้(12 ต.ค.63) ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ VDO Conference ไปยังผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมทั้งสำนักงานชลประทานเครือข่าย SWOC ทั้ง 17 แห่งทั่วประเทศ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ อาคารหม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบัน(12 ต.ค.63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 43,399 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 19,470 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 11,952 ล้าน ลบ.ม หรือร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 5,256 ล้าน ลบ.ม.
จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ตลอดช่วงในขณะที่ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับพายุโซนร้อน “หลิ่นฟา”บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง และเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 11-12 ตุลาคม 2563 ทำให้เกิดฝนตกในบางพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในเขื่อนที่ยังคงมีปริมาณน้อยอยู่
ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล พร้อมพิจารณาปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเกณฑ์ควบคุมที่กำหนด รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ย่อมความกดอากาศที่จะเกิดขึ้นภายใน 1-2 อาทิตย์นี้อย่างเคร่งครัด