บ้านพักหลังน้อยของ ลุงบุญชม แกมรัมย์ วัย 64 ปี ชาวตำบลบ้านกลับ อ.หนองโดน จ.สระบุรี วันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากน้ำใจของลูกหลาน ที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน เข้ามาเยี่ยมเยียน



ส่วนที่บ้าน ยายสำลี โอภาพ วัย 74 ปี ชาวตำบลท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่อาศัยอยู่เพียงลำพังบนพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน ปลูกกระท่อมเพิงพักเล็กๆกันแดดฝน หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับสามีที่ท่าคล้อเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา จนกระทั่งสามีเสียชีวิต ยายสำลีต้องกลายเป็นผู้สูงอายุไร้ที่พึ่ง เพราะพื้นเพไม่ใช่คนที่นี่ เมื่อไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว ขาดคนดูแล ก็ต้องอาศัยชาวชุมชนช่วยเหลือ ได้พื้นที่ปลูกสร้างที่พักพอให้ปลูกผักกินอยู่ในแต่ละวัน มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บาทต่อเดือน และสิทธิบัตรทองเท่านั้น เมื่อซีพีเอฟรู้ถึงความเดือดร้อน ได้เร่งเข้ามาดูแลให้ร่วมโครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” โดยมีทีมงานจิตอาสาจากฟาร์มท่าคล้อ ของธุรกิจไก่เนื้อ สระบุรี มาดูแล
“ดีใจมากที่บริษัทเข้ามาให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง มามอบเงิน 2,000 บาททุกเดือน เพื่อช่วยด้านสุขภาพ เครื่องอุปโภคบริโภค เพราะยายอายุมากแล้ว ถึงจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่ก็ทำอาชีพไม่ได้เหมือนแต่ก่อน ทำให้ไม่มีรายได้ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่เหงาเพราะมีทีมงานซีพีเอฟ กับ อบต. และอสม. มาเยี่ยมและตรวจสุขภาพเป็นประจำ ทุกคนเหมือนลูกหลานที่คอยห่วงใยใส่ใจ ทำให้คนแก่ที่ไม่มีที่พึ่งพิงได้กลับมามีกำลังใจต่อสู้ชีวิต” ยายสำลีกล่าว

“ซีพีเอฟ ขอขอบคุณผู้สูงอายุทุกคนในโครงการฯ ที่เป็นเหมือนผู้เปิดโอกาสให้เราชาวฟาร์มและโรงงานที่กระจายอยู่ในชุมชนทั่วประเทศ ได้ทำความดีด้วยการเข้ามาดูแลผู้สูงวัยที่ไม่มีอาชีพ ขาดรายได้ บางรายมีความพิการของร่างกาย ถูกทอดทิ้งขาดคนเหลียวแล หรือบางรายก็ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เราอาสามาช่วยส่งเสริมให้ความเป็นอยู่และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้คลายความทุกข์ยากในเบื้องต้นไปได้” สมบูรณ์ สุชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กิจการไก่เนื้อ 3 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าว
ด้าน นิรัตน์ ฮ่อยี่ซี่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านระบบมาตรฐานและบริหารงานคุณภาพ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ เล่าว่า โครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 ภายใต้กลยุทธ์ด้าน”สังคมพึ่งตน” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืนของซีพีเอฟ คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงวัยรอบสถานประกอบการของบริษัทที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างจากโรงงาน ฟาร์ม หรือสาขาของบริษัท ไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งมีฐานะยากจน ไม่มีรายได้ ถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้ดูแล หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นการให้ความช่วยเหลือตลอดชีวิต โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเครือข่าย อาทิ อบต. เทศบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดูแลทั้งความเป็นอยู่ สุขภาพร่างกาย และจิตใจ สร้างสังคมแห่งความกตัญญู และลดความเหลื่อมล้ำ





















ส่วนที่บ้าน ยายสำลี โอภาพ วัย 74 ปี ชาวตำบลท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่อาศัยอยู่เพียงลำพังบนพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน ปลูกกระท่อมเพิงพักเล็กๆกันแดดฝน หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับสามีที่ท่าคล้อเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา จนกระทั่งสามีเสียชีวิต ยายสำลีต้องกลายเป็นผู้สูงอายุไร้ที่พึ่ง เพราะพื้นเพไม่ใช่คนที่นี่ เมื่อไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว ขาดคนดูแล ก็ต้องอาศัยชาวชุมชนช่วยเหลือ ได้พื้นที่ปลูกสร้างที่พักพอให้ปลูกผักกินอยู่ในแต่ละวัน มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บาทต่อเดือน และสิทธิบัตรทองเท่านั้น เมื่อซีพีเอฟรู้ถึงความเดือดร้อน ได้เร่งเข้ามาดูแลให้ร่วมโครงการ “ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” โดยมีทีมงานจิตอาสาจากฟาร์มท่าคล้อ ของธุรกิจไก่เนื้อ สระบุรี มาดูแล




