

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปริมาณฝนตกเพิ่มในบางพื้นที่แล้ว แต่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำยังคงมีปริมาณจำกัด ปัจจุบัน(16 ก.ย.63)อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศ มีปริมาณรวมกันประมาณ 36,764ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างรวมกันเป็นน้ำใช้การได้ 12,946 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,152 ล้าน ลบ.ม หรือร้อยละ 41ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 3,456 ล้าน ลบ.ม. ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูฝนทั้งประเทศ ปัจจุบัน (16 ก.ย. 63) มีการใช้น้ำไปแล้ว 10,363 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 87 ของแผนฯเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 3,339ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 103 ของแผนฯ ภาพรวมสถานการณ์น้ำทั้งประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย
กรมชลประทาน ได้กำหนดแผนบริหารจัดการน้ำภายใต้ภาวะน้ำน้อย เน้นส่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคเป็นหลัก พร้อมบริหารจัดการน้ำท่าในแหล่งน้ำธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบถึงสถานการณ์น้ำต้นทุนที่มีอยู่น้อย และขอให้ใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก หากพื้นที่ใดมีการเพาะปลูกไปแล้วให้บริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนพื้นที่ใดยังไม่มีการเพาะปลูกให้พิจารณาปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทน พร้อมทั้งปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ฝน รวมไปถึงเตรียมพื้นที่ ลุ่มต่ำเพื่อเป็นแก้มลิงในการหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลากไว้ด้วย นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักร เครื่องมือ เช่น รถแบคโฮ/รถขุด รถเทรลเลอร์ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ประจำในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที




























