วันนี้ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทน 4 องค์กร ได้แก่ สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ในนามตัวแทนสมาคมชาวไร่อ้อย 37 สถาบัน ในเขตภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีสมาชิกประกอบอาชีพปลูกอ้อยทั่วประเทศ 400,000 ครัวเรือน ได้ขอเข้าพบ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยื่นหนังสือและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สารเคมีพาราควอต รวมทั้งนำเสนอข้อมูลทางวิชาการเพิ่มเติม โดยตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย กล่าวว่าภายหลังการยกเลิกการใช้สารเคมีพาราควอต ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย เนื่องจากอ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สร้างแรงงาน รายได้เข้าสู่ประเทศปีละหลายแสนล้านบาท การใช้สารออร์แกนิกแทนสารเคมี คงไม่สามารถนำมาใช้กับการทำเกษตรอุตสาหกรรมได้ ดังนั้น การยกเลิกสารดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยอย่างมาก และการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชพาราควอต จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับยังไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ในทางปฏิบัติ เห็นควรให้อนุญาตใช้สารต่อไปภายใต้การจำกัดการใช้จนกว่าจะหาสารทดแทนอันเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรได้ เพิ่มเติม โดยตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยได้ขอให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนมาตรการยกเลิกการใช้สารเคมีพาราควอต พร้อมทั้งเห็นควรให้มีการส่งเสริมมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และฝึกอบรมเกษตรกรทั่วประเทศให้มีความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้สามารถใช้สารเคมีเกษตรได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยต่อไป
ด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในฐานะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่ดูแลเกษตรกรโดยตรงมีหน้าที่รับฟังปัญหาและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยจะดำเนินการนำส่งข้อหารือ ข้อเท็จจริง ตลอดจนข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวข้องที่ได้รับจากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ส่งต่อไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตรายต่อไป