สทนช. ล่องใต้ ติดตามการบริหารจัดการน้ำชุมชน หนุน“ธนาคารน้ำ”อนุรักษ์ป่าต้นน้ำของชุมชนตะโหมด จ.พัทลุง และ“ฝายดักขยะ”การจัดการคุณภาพน้ำของชุมชนคลองแห จ.สงขลา ที่ประสบความสำเร็จด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ หวังดันเป็นต้นแบบแก้ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอย่างยั่งยืน

เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยชุมชนคลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


ของระบบนิเวศ โดยดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยทะเลสาบสงขลา มุ่งเน้นการศึกษาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยเป็นหลัก เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ปรับประยุกต์จากการใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาแบบบนลงล่าง (Top–Down) คือ การกำหนดนโยบายจากหน่วยงานของรัฐ ร่วมกับแนวทางแก้ไขปัญหาแบบล่างขึ้นบน (Bottom–up) คือ ประชาชนเป็นผู้ร่วมกำหนดทิศทางนโยบาย และกระบวนการในการพัฒนาโดยตรง เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งแนวทางการพัฒนา แผนหลัก แผนปฏิบัติการและแนวทางการบริหารจะพิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมาย กฎระเบียบของหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งนี้ สทนช. ได้ให้ความสำคัญกับแนวทางแก้ปัญหาและการบริหารจัดการน้ำที่เกิดจากแนวคิดของภาคประชาชน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับว่าเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ซึ่งมีบริบทต่างกัน ทำให้อาจต้องปรับรายละเอียดในการแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง เพื่อให้เกิดลักษณะการพัฒนาแก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำที่สอดคล้องกัน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยไม่ใช่การย้ายปัญหาไปจุดอื่น” เลขาธิการ สทนช. กล่าว

ในชื่อเครือข่าย “สภาลานวัดตะโหมด” ใช้เทคนิคการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำและป่าโดยชุมชน และมีการวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางแก้ไขแบบ Area based เพื่อให้ได้ประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ โดยมีวัดตะโหมดเป็นศูนย์กลางดำเนินกิจกรรม อาทิ กิจกรรมอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำ ป้องกันวิกฤตภัยแล้ง โดยนำแนวพระราชดำริเรื่องฝายต้นน้ำลำธารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ เรียกว่า “ธนาคารน้ำ” ด้วยการเก็บน้ำในรูปแบบฝายชะลอการไหลของน้ำ โดยนำวัสดุธรรมชาติ อาทิ ไม้ ทราย หิน มาปิดกั้นทางน้ำในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อกักเก็บน้ำ สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผืนดินและผืนป่า โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากภาครัฐมาดำเนินงาน ส่งผลให้ในพื้นที่ชุมชนสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ฝายทำให้น้ำถูกกักเก็บไว้แล้วไหลลงคูคลองได้มากขึ้น และช่วยชะลอน้ำ
ที่เคยไหลบ่าเข้าท่วมชุมชนได้ นอกจากนี้ ชุมชนยังได้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ ส่งผลให้มีหน่วยงานและประชาชนเดินทางมาศึกษาดูงานต่อเนื่อง
ในส่วนการบริหารจัดการคุณภาพน้ำเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยชุมชนคลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นความร่วมมือกันของภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรม เกิดการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายจัดการน้ำเสียและขยะของวัดคลองแห ชุมชนคลองแห และเครือข่ายรักษ์คลองอู่ตะเภา เพื่อร่วมจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของคลองอู่ตะเภา ตั้งแต่ต้นน้ำใน อ.สะเดา ที่มีเครือข่ายโรงงานธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม โดยเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนในการเฝ้าระวังและอนุรักษ์คลองอู่ตะเภามาถึงคลองแห ซึ่งเป็นคลองย่อยหนึ่งของคลองอู่ตะเภา ที่เคยประสบปัญหาน้ำเสียและขยะจากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เครือข่ายเกิดการรวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและนำมาพัฒนาฟื้นฟูคลองแหให้กลับมาสะอาดและมีสภาพน้ำที่ดีขึ้น โดยนำแนวคิดเรื่องฝายดักขยะมาบริหารจัดการ อีกทั้ง ยังจัดกิจกรรมปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าทรัพยากรน้ำในพื้นที่ และจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในชุมชนคลองแหและเครือข่ายรักษ์คลองอู่ตะเภา ทำให้ปัจจุบันคุณภาพน้ำในพื้นที่โดยรอบดีขึ้น ส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รองรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเลเซีย และไทย ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความพยายามร่วมแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและการบริหารจัดการน้ำของคนในชุมชน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย






























