

ทั้งนี้ หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อกสมุนไพรพืช “กัญชา” อนุญาตให้ใช้ใบ ส่วนประกอบของกัญชา ที่ไม่ใช่ยาเสพติดปรุงอาหารได้ในร้านอาหารทั่วไปโดยไม่ต้องอบรม ไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติมอีกทำได้เลย แต่จะต้องใช้ใบจากแปลงกัญชาที่ได้รับอนุญาตปลูกเท่านั้น ซึ่งฤดูกาลนี้การผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะยังปลูกกันได้น้อยอยู่ รอบการผลิตฤดูกาลหน้าปีถัดไปจะมีการขออนุญาตปลูกและผลิตมากขึ้น
“ ตอนที่สภาเกษตรกรแห่งชาติผลักดันเรื่องนโยบายกัญชาเสรีเราคาดหวังว่าจะได้ไปไกลกว่านี้ แต่มาถึงบัดนี้ในรอบปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าเราพึงพอใจที่กระทรวงสาธารณสุขโดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ตั้งใจในการผลักดันจนสามารถปลดหลายส่วนของสมุนไพรพืชกัญชาออกมาให้พี่น้องเกษตรกร ประชาชนได้ใช้สร้างเศรษฐกิจครัวเรือนของตัวเอง ทั้งใบ ต้น ราก ที่ไม่ใช่ดอกหรือเมล็ด ต้องขอขอบคุณ ถือเป็นการปรับตัวก้าวใหญ่ที่ทำให้สามารถนำกัญชามาสร้างเศรษฐกิจสมดังศักยภาพของเขาที่ควรจะเป็นหลังจากถูกปิดกั้นมาช้านาน เชื่อมั่นได้ว่าหลังจากนี้ไปจะมีคนปลูกกันมากขึ้น รวมทั้งจะมีนักลงทุนปลูกในพื้นที่ใหญ่ๆเพื่อจะส่งออกมากขึ้น เพราะน้ำมัน CBD นั้นตลาดโลกยังต้องการอยู่ และกัญชงก็ไม่ได้เป็นพืชเสพติดอีกต่อไป สามารถลงทุนเศรษฐกิจใหญ่ๆเพื่อการส่งออกได้ โดยคาดว่าปีหน้าจะมีการลงทุนมากขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะขับเคลื่อนมากขึ้น เศรษฐกิจฐานรากก็ได้รับอานิสงส์ด้วย พี่น้องเกษตรกรก็จะได้ปลูกทั้งกัญชงและกัญชาเพิ่มมากขึ้น จนมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆได้หลากหลายมากขึ้น และต่อไปเชื่อมั่นว่าปีหน้าเราจะเห็นแรงกระเพื่อมเศรษฐกิจจากพืชสมุนไพรกัญชงและกัญชาใหญ่กว่านี้ และจากกัญชงน่าจะขยายตัวอาจเป็นหลักหมื่นล้านด้วยซ้ำไป ” นายประพัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เสียดายที่ภาคราชการยังไม่ได้กล่าวถึงแผนการท่องเที่ยว Cannabis tourism ซึ่งไม่ทันการณ์ฤดูกาลนี้ แต่อยากให้เตรียมแผนสำหรับฤดูกาลถัดไป ซึ่งมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจจากกิจกรรมต้องห้ามในอดีตที่บัดนี้สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารได้และผลิตภัณฑ์ที่สามารถซื้อกลับไปได้ รวมทั้งอยากให้มีการเชิญนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาด้วย รายได้จากต่างประเทศจะได้ไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น



























