


ทั้งนี้ กรมหม่อนไหมได้ส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ด้วยใบมันสำปะหลังมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยอบรมให้ความรู้และผลิตไข่ไหมอีรี่แจกจ่ายให้กับเกษตรกรในหลายจังหวัด อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ สระแก้ว เป็นต้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกมันสำปะหลังที่เป็นอาหารของไหมอีรี่ ผลผลิตจากการเลี้ยงไหมอีรี่นั้น เกษตรกรจะนำไปจำหน่ายและแปรรูปในตลาดชุมชนเป็นหลัก โดยไหม 1 ซอง ใช้ใบมันสำปะหลังในการเลี้ยงประมาณ 1 ไร่ ได้ผลผลิตรังไหมสด 30 กิโลกรัม เกษตรกรจะปาดรังไหมเพื่อนำดักแด้ออกจากรัง ได้น้ำหนักรังไหม 3 กิโลกรัม จำหน่าย ราคากิโลกรัมละ 350 – 400 บาท ได้น้ำหนักดักแด้ 27 กิโลกรัม จำหน่ายเป็นอาหาร กิโลกรัมละ 100 – 180 บาท หรือนำรังไหมไปสาวเป็นเส้นไหมฟอก ย้อมและทอ จำหน่ายเป็นผืน เมตรละ 600 – 2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทของผ้าไหม) และปัจจุบัน มีผู้ประกอบการที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตจากไหมอีรี่และโปรตีนจากแมลง เพื่อทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยบริษัทจะรับซื้อรังไหมอีรี่สดที่ไม่ได้ปาดรัง ราคากิโลกรัมละ 100 – 115 บาท ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากเกษตรกรอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานในการปาดรังไหม และได้รับเงินเร็วขึ้น เพราะใช้เวลาเลี้ยงไหมเพียง 19 – 22 วัน ก็สามารถจำหน่ายรังไหมสดได้ หากเกษตรกรเลี้ยงไหมรอบละ 2 ซอง ก็จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 บาทต่อเดือน



























