กรมอนามัย ชู ผักพื้นบ้าน ‘ขี้เหล็ก – ยอดมะขาม’ ปรุงเมนูต้านหนาว

0
10136

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำเมนูเด็ด แกงขี้เหล็ก แกงยอดมะขาม อาหารรสเปรี้ยวอมขมจากผักพื้นบ้านตามฤดูกาล เพิ่มความอบอุ่นและเสริมภูมิคุ้มกันต้านโรคหวัด พร้อมแนะยึดหลักโภชนบัญญัติ       9 ประการ สร้างสุขภาพดีรับหน้าหนาว

นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการเลือก    
กินอาหารในช่วงหน้าหนาว ว่า ปัญหาสุขภาพที่มากับหน้าหนาวมักมีผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายคือ     ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง ประชาชนจึงควรกินอาหารที่เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย และเป็นอาหารที่ร้อนและปรุงสุกใหม่ ๆ เลือกทำเมนูอาหารจากผักพื้นบ้านตามฤดูกาลและหาได้ง่าย ในช่วง     หน้าหนาว เช่น ดอกขี้เหล็ก พริกหนุ่ม/พริกหวาน ใบเหลียง กระเจี๊ยบ เพราะมีวิตามินซีช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต้าน    โรคหวัด และเน้นเมนูอาหารที่มีเครื่องเทศที่มีรสเผ็ดร้อน เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ เช่น แกงส้ม  แกงป่า แกงขี้เหล็ก แกงเลียง แกงแค เป็นต้น แต่หากจะกินอาหารจำพวกอาหารทอดหรือกะทิ อาจทำได้โดยมีอาหารที่ใช้ไขมันในการประกอบอาหาร 1 รายการต่อมื้อ เช่น ไข่เจียวคู่กับแกงส้ม      ปลาทอดคู่กับแกงเลียง และควรกินอาหารร่วมกับผักสดอย่างน้อยมื้อละ 2 ทัพพี

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การกินอาหารให้สุขภาพดีอย่างยั่งยืนนั้นมีวิธีง่ายโดยยึดตามหลักโภชนบัญญัติ 9 ประการ ได้แก่ 1) กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัว 2) กินข้าวเป็นหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ 3) กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ 4) กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ 5) ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย 6) กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร 7) หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด 8) กินอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน และ 9) งดหรือลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำเปล่า เป็นประจำวันละ 8 10 แก้ว เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง

ทั้งนี้ อากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลจะทำให้ผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรงเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย      ส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบการย่อยอาหาร ผิวหนังแห้งแตกและคันประชาชนจึงควรเอาใจใส่ดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน กินอาหารตามหลักโภชนาการ ในปริมาณที่เพียงพอ             ต่อความต้องการของร่างกาย ลดอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 5 วัน     วันละ 30 นาที นอนหลับให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับกับ     สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทุกฤดูกาล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าว