ชป.ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าช่วยเหลือประชาชนหลายพื้นที่ หลังได้รับผลกระทบจากพายุ “ซินลากู”

0
7057

เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ซินลากู” ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ซินลากู” ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเกิดฝนตกหนัก และน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของราษฎร จึงสั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยทันที อาทิ ที่จังหวัดน่าน เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อำเภอเวียงสา สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 47.3 มม. และที่อำเภอภูเพียงวัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 47.3 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฏรและพื้นที่ทางการเกษตรบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยมีพื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 2 อำเภอ ได้แก่ ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง และตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา สำนักงานชลประทานที่ 2 ได้เข้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ จำนวน 11 เครื่อง ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ที่จังหวัดพะเยา เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อำเภอเชียงม่วน สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 47.5 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฏรและพื้นที่ทางการเกษตรบางส่วนในพื้นที่อำเภอเชียงม่วนได้รับความเสียหาย สำนักงานชลประทานที่ 2 ได้เข้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ จำนวน 8 เครื่อง


ที่จังหวัดลำปาง เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอวังเหนือ มารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 74 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ บ้านแม่ทายเงิน ตำบลทุ่งฮั้ว และอำเภอปงถ้ำ ตำบลวังทอง อำเภอวังเหนือ ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ที่จังหวัดเชียงราย เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 130 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า พบพื้นที่การเกษตรเสียหาย โครงการชลประทานลำปาง และ โครงการชลประทานเชียงราย ได้เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำสำหรับเข้าติดตั้งในพื้นที่ จำนวน 10 เครื่อง

สำหรับทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จังหวัดเลย วานนี้ (1 ส.ค. 63) ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ วัดปริมาณน้ำฝนได้ที่ อำเภอเมือง ได้ประมาณ 130 มม. ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมขังในบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำฉับพลัน บริเวณพื้นที่บ้านสูบ บ้านเพีย บ้านนาน้ำมัน ของลำห้วยน้ำลาย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเลย ทางโครงการชลประทานเลย นำเครื่องจักร เครื่องมือ พร้อมนำน้ำดื่มเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแล้วปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จังหวัดกาฬสินธุ์ เกิดฝนตกหนัดในพื้นที่ อำเภอห้วยผึ้ง วัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 107 มม. ทางสำนักงานชลประทานที่ 6 ได้เฝ้าระวังอุทกภัยน้ำหลากลุ่มน้ำยังตอนบนบริเวณ เขตอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำติดลำน้ำ ได้แก่ 1.ท้ายฝายบ้านหนองห้าง 2.บ้านกุดกว้าง 3.บ้านโพนสว่าง 4.ท้ายฝายกุดตอแก่น และได้เตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยตามมาตรการของกรมชลประทาน โดยได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง บริเวณปากหนองเปือยน้อย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์


ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอเสลภูมิ สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ประมาณ 130 มม. สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้ติดตามพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยน้ำหลากลุ่มน้ำยังตอนล่างบริเวณ เขตอำเภอโพนทองและอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำติดลำน้ำ ได้แก่ อำเภอโพนทอง ตำบลโคกกกม่วง และอำเภอสเลภูมิ ตำบลศรีวิลัย ตำบลเหล่าน้อย ตำบลภูเงิน พร้อมทั้งระดมกระสอบทรายจำนวน 12,000 กระสอบ ไปประจำไว้ที่จุดเสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยัง พร้อมทั้งขนย้ายเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 8 ชุด ไปที่ประจำไว้ที่โครงการชลประทานร้อยเอ็ด และทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และบริเวณเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 1 เครื่อง

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ให้เตรียมพร้อมรับมือและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ รวมไปถึงการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยทวิทยาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้ให้โครงการชลประทานในพื้นทีเสี่ยงภัยน้ำหลาก เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และกำลังเจ้าหน้าที่ ไว้คอยช่วยเหลือประชาชนที่อาจจะประสบปัญหาน้ำท่วมได้ หากประชาชนหรือหน่วยงานใดต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ทางสายด่วนกรมชลประทาน โทร. 1460 หรือติดตามสถานการณ์น้ำได้ทาง http://water.rid.go.th/ และ www.rid.go.th