ชาวนาเฮส่งท้ายปี จุรินทร์-พาณิชย์ เคาะส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดที่ 8

0
4330

ชาวนาเฮส่งท้ายปี จุรินทร์-พาณิชย์ เคาะส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดที่ 8 รอบนี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4 ชนิดได้รับเงินชดเชย

วันนี้(28ธ.ค.62)นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว รายงานเอกสารถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ว่าสถานการณ์ราคาข้าวในรอบปัจจุบันนี้ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4 ชนิดได้รับเงินชดเชย “ส่วนต่าง”จากโครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยมีเพียงข้าวเปลือกเหนียวไม่ได้เหมือนเดิมเพราะรบคาตลาดสูงกว่าราคาประกันรายได้

นางมัลลิกา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2562 คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง โดยมีมติให้จ่ายเงินส่วนต่างงวดที่ 8 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 4 ชนิด คือ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ส่วนข้าวเปลือกเหนียว ไม่จ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคายังสูงกว่าราคาประกัน ตัวเอกสารนี้เป็นประกาศให้สาธารณะชนทราบโดยทั่วกัน

สำหรับการชดเชยส่วนต่าง เกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 22-28 ธ.ค.2562 จะได้รับการชดเชย โดยมีรายละเอียด ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ราคาตลาดเฉลี่ยตันละ 7,772 บาท ได้รับส่วนต่างตันละ 2,227 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาตลาดตันละ 9,516 ได้รับส่วนต่างตันละ 1,483 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตลาดตันละ 14,628 ได้รับชดเชยตันละ 371 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาตลาดตันละ 13,734 บาท ได้รับชดเชยตันละ 265 บาท

ผลจากการคำนวณส่วนต่างงวดที่ 8 นี้จะทำให้เกษตรกรบางรายได้รับเงินชดเชยสูงสุด คือ ข้าวเปลือกเจ้า จะได้รับเงินสูงสุดรวม 66,836 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมได้เงินสูงสุดรวม 37,087 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ ได้เงินสูงสุดรวม 5,198 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้เงินสูงสุดรวม 4,243 บาท

นางมัลลิกา กล่าวว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับคำชื่นชมจากประชาชนโดยการสำรวจจากโพลต่างๆว่าเป็นนโยบายที่สามารถทำให้เกิดรูปธรรมได้เร็วที่สุด เพราะนายจรินทร์สามารถผลักดันตั้งแต่เป็นนโยบายในการร่วมรัฐบาลและลงมือทำจนเกิดผลเป็นรูปธรรมเสริมเศรษฐกิจฐานรากโดยการโอนเงินส่วนต่างให้ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริงด้วยบัญชีธนาคารของเกษตรกรโดยตรง ขณะนี้ดำเนินการครบทั้ง 5 ชนิดพืชที่อยู่ในโครงการ และยังเดินหน้าต่อเนื่อง

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายจุรินทร์นั้นรู้สึกขอบคุณนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา เสมอที่ให้ความร่วมมือเต็มที่ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประกันรายได้ข้าวเปลือกจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท ครัวเรือนละ 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละ 16 ตัน แต่ถ้าเกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด จะได้สิทธิไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของข้าวชนิดที่กำหนดไว้สูงสุด

และในปี 2563 รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร ทั้งข้าว ปาล์ม ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด ร่วมกับมาตรการเสริมเพื่อผลักดันราคาผลเกษตรกรให้สูงขึ้นและจะทำให้จำนวนงบประมาณที่ต้องใช้สำหรับโครงการนี้ลดลง และขณะนี้นายจุรินทร์ยังมีแผนเดินหน้าการผลักดันตัวเลขการส่งออกโดยเฉพาะพืชผลการเกษตรในปี 2563 ไปทั่วโลกและวางแผนด้านมาตรการเสริมสำหรับการช่วยเหลือพืชผักผลไม้ชนิดอื่นๆนอกเหนือจากโครงการประกันรายได้อย่างเต็มที่ต่อไป