ประมงฯ MOU มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ วางระบบน้ำช่วยผู้เพาะเลี้ยง

0
2894

กรมประมงร่วมลงนามกับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หนุนวางระบบบริหารจัดการน้ำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยง

วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2562) ณ มูลนิธิชัยพัฒนา นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายสุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง “การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศทรัพยากรน้ำเพื่อการบริหารจัดการน้ำร่วมกับกรมประมง และการขยายเครือข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ” เพื่อสนับสนุน เชื่อมโยง รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศด้านต่างๆ สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรประมงร่วมกัน

​​นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าวนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ที่จะได้มีความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศทรัพยากรน้ำเพื่อการบริหารจัดการน้ำร่วมกับกรมประมง และการขยายเครือข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเป็นการสนับสนุนข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำเพื่อประโยชน์ทางการประมง ให้เกิดการดำเนินงานแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

.

​​โดยในปัจจุบันการบริหารจัดการน้ำให้กับเกษตรกรด้านการประมงนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากประเทศไทยมีความผันผวนของสภาพอากาศอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบทั้งจากสถานการณ์ด้านภัยแล้ง และอุทกภัย ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที จนไม่สามารถบริหารจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้โดยเร็ว  ดังนั้น การได้รับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถานการณ์น้ำจากการร่วมลงนามในครั้งนี้ จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำให้แก่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ทั้งในแหล่งน้ำปิด และแหล่งน้ำเปิด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง รวมถึงชายฝั่งทะเล เพื่อช่วยในการวางแผน การเฝ้าระวัง และการชดเชยเยียวยาความเสียหายหากเกิดสถานการณ์ขึ้น

​​

อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า จากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ กรมประมงจะนำข้อมูลจากความร่วมมือดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร โดยการพัฒนาสารสนเทศด้านการประมงเพื่อให้เกษตรกรรู้เท่าทันสถานการณ์น้ำรองรับในการประกอบอาชีพและจะได้ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้ีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืนต่อไป