ปรับเกณฑ์ระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาใหม่

0
1871
ปรับเกณฑ์ระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาใหม่

หวังคุมกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ

ปรับเกณฑ์การบริหารจัดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาใหม่ 4 กรณีให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพิ่มอำนาจ กนช. และ อนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อป้องผกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ เผยปีนี้ลุ่มเจ้าพระยาส่อสัญญาณบวก ลังประเมขื่อนหลักและแก้มลิงธรรมชาติยังรับน้ำได้อีกาก พร้อมรับรายงานล่าสุดกรมชลแจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์แควน้อยป่าสักฯ หนุนอุบริโภคระบบนิเวศเพิ่ม

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งล่าสุด ได้มีมติปรับเกณฑ์การบริหารจัดการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา
.ชัยนาทใหม่ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง แบ่งเป็น 4 กรณี คือ

1.กรณีระบายน้ำในปริมาณน้อยว่า 700 ลูกบาศก์เมตร (ลบ..) ต่อวินาทีซึ่งจะไม่กินความจุของลำน้ำและไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำได้ตามปกติ โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือรายงานใดๆ

2.กรณีการระบายน้ำตั้งแต่ 700–1,500 ลบ..ต่อวินาที ซึ่งจะก่อให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำหรือเหนือน้ำ จะต้องรายงานต่อคณะอนุกรรมการอำนวยการดานบริหารจดการทรัพยากรน้ำที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบภายใน 3 วัน

3.กรณีที่เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำตั้งแต่ 1,500–2,000 ลบ..ต่อวินาที จะต้องขออนุญาตต่อคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ล่วงหน้า 3 วัน เพื่อพจารณาเห็นชอพร้อมทังให้ทำรายงานให้รับทราบอีกด้วย แต่ถ้าหากเป็นกรณีฉุกเฉินให้ขออนุญาตประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการดานบริหารจดการทรัพยากรน้ำ พิจารณาโดยตรง และให้รายงานต่อ กนช. โดยเร่งด่วน และ

4. กรณีที่จำเป็นจะต้องระบายน้ำมากกว่า 2,000 ลบ..ต่อวินาที กรมชลประทานจะต้องขอนุญาตต่อ กนช. ซึ่งมี พลเอก ะวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ล่วงหน้า 3 วัน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ แต่ถ้าหากเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้ขออนุญาตประธาน กนช. พิจารณาโดตรง และให้รายงานต่อ กนช. โดยเร่งด่ว

ในการระบายน้ำตั้งแต่ 700-2,000 ลบ..ต่อวินาที จะมีพื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบเกิดภาวะน้ำท่วม ได้แก่ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนานิคม และ.หัวเวียง ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา และหากระบายน้ำตั้งแต่ 2,000-2,200 ลบ..ต่อวินาที จะมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ได้แก่ วัดสิงห์อ.อินทร์บุรี.เมือง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และวัดไชไย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ถ้าระบายตั้งแต่ 2,200-2,400 ลบ..ต่อวินาที มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น ได้แก่ ต.โพนางคำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท วัดเสือข้าม .อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี .ป่าโมก จ.อ่างทอง และถ้าระบายมากกว่า 2,400 ลบ..ต่อวินาที มีพื้นที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น คือ บ้านท่าทราย .สรรพยา จ.ชัยนาท .อินทร์บุรี .อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรีละ ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง ทั้งนี้ในเร็วๆ นี้สทน.ได้กำหนดให้มีการประชุมคณะอนุกรรการด้านเทคนิคและวิชาการภายใต้คำสั่ง กนช.ที่ 4/2562 เพื่อหารือการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนร่วมกับหน่วยงานในเกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลในทางเป็นปฏิบัติด้วยดร.สมเกียรติ กล่าว

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาในปัจจุบัน มีฝนเพิ่ขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง จากการเฝ้าระวัง พบว่า มีฝนตกหนักในบางพื้นที่ แต่ไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจาก 4 เขื่อนหลักของลุ่มเจ้าพระยา คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์  เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนฯ  และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังสามารถรองรับน้ำด้อีกจำนวนมาก รวมทั้งแก้มลิงธรรมชาติที่เตรียมไว้รองน้ำปริมาณน้ำฝนที่ตกท้ายเขื่อน ยังมีน้ำไหลเข้าไม่มากในภาพรวมยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาขณะนี้ยังไม่เกิน.500 ลบ.ม./วินาที

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการมายัง สทนช.ถึงการปรับเกณฑ์การระบายน้ำจาก 3เขื่อนหลัก ได้แก่  เขื่อนสิริกิติ์ ปรับเพิ่มารระบายช่งวันที่ 16 -22 ก.ย.62 จากวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. เป็น 4.5ล้าน ลบ.ม.ขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปรับเพิ่มารระบายช่วงวันที่ 18 -22 ก.ย.62 จากเฉลี่ยวันละ 0.43 ล้าน ลบ.ม. เป็ 1.29 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนป่าสักปรับเพิ่มารระบายช่วงวันที่ 16 -22 ก.ย.62จากวันละ 0.23 ล้าน ลบ.ม. เป็น 0.86 ล้าน ลบ.ม.เพื่อนับสนุนน้ำอุปโภริโภค และระบบนิเให้แก่พื้ที่ท้ยน้ำ โดย สทนช.ได้เน้นย้ำการระบายน้ำจะต้องคำนึงถึงฝนที่ตกในพื้นที่ด้านท้ายประกอบด้วย

 

#AllnewsExpress