วันนี้ (15 ตุลาคม 2562) ณ ทำเนียบรัฐบาลกรุงเทพมหานคร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เยี่ยมชมนิทรรศการ “มือที่สะอาดสำหรับทุกคน : Clean Hand for All” เนื่องในวันล้างมือโลกประจำปี 2562 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนให้ประชาชนล้างมือเป็นประจำเพื่อลดเสี่ยงโรค
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันที่ 15 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันล้างมือโลก ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ “มือที่สะอาดสำหรับทุกคน : Clean Hand for All” สร้างพฤติกรรมด้านสุขอนามัยให้ประชาชนล้างมืออย่างถูกวิธีเป็นประจำ การสร้างความตระหนักให้เห็นถึงความสำคัญของการล้างมือ ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ตลาดสด ศูนย์อาหารหรือสถานที่อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันและลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร โดยจากการสำรวจของกรมอนามัยในการจัดกิจกรรมรณรงค์วันล้างมือโลก ประจำปี 2561 จำนวน 311 ราย พบว่าประชาชนมีการล้างมือทุกครั้ง มากที่สุด หลังออกจากห้องส้วม ร้อยละ 95.24 รองลงมาคือ หลังสัมผัสสิ่งสกปรก เช่น น้ำมูก น้ำลาย ขยะ ร้อยละ 90.20 และหลังกลับจากนอกบ้าน ร้อยละ 70.89 โดยส่วนใหญ่มีการล้างมือด้วยน้ำและสบู่มากที่สุด ร้อยละ 86.36 ขณะที่มีเพียง ร้อยละ 28.11 เท่านั้น ที่ทราบวิธีการล้างมือที่ถูกต้องว่ามี 7 ขั้นตอน
ทางด้าน แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การล้างมือที่ถูกวิธีด้วยน้ำและสบู่ ให้ยึดหลัก 2 ก่อน 5 หลัง คือ ก่อนทำอาหาร และรับประทานอาหาร และ 5 หลัง คือหลังเข้าห้องส้วม หยิบจับ สิ่งสกปรก เยี่ยมผู้ป่วย สัมผัสหรือเล่นกับสัตว์ และหลังกลับมาจากนอกบ้าน ด้วย7 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ฝ่ามือถูกัน 2) ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว 3) ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว 4) หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 5) ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6) ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ และ 7) ถูรอบข้อมือ โดยทุกขั้นตอนทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง การล้างมือด้วยวิธีการข้างต้นถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ เสียค่าใช้จ่ายน้อย และสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ดี