Media Alert พบ Influencer มีบทบาทมากขึ้น ขณะที่รายการข่าว-ละคร ยังต้องปรับตัว ผู้เชี่ยวชาญแนะสังคมต้องช่วยสนับสนุนสื่อ พร้อมพัฒนาคุณภาพผู้รับสื่อในสังคม

0
67468

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี Media Alert เพื่อถอดบทเรียนองค์ความรู้ด้านสื่อ ผ่านการศึกษา 3 ชิ้นงาน ครอบคลุมประเด็นด้านการสื่อสารออนไลน์ การยกระดับคุณภาพรายการข่าว และการประเมินคุณภาพรายการละคร พร้อมการเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวของคนทำงานสื่อในปัจจุบัน และการพัฒนาผู้รับสื่อในสังคมไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพสื่ออย่างยั่งยืน

19 มีนาคม 2568 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และโครงการ Media Alert ได้จัดเวทีสัมมนา “มองสื่อและสังคมไทย…ทำอย่างไรให้โซเชียลมีเดียขยับ ข่าวปรับ ละครเปลี่ยน” เพื่อนำเสนอผลการศึกษาวิจัยของปี 2567 และรับฟังความเห็น ข้อเสนอเพื่อการสร้างสรรค์นิเวศสื่อ ทั้งในการสื่อสารออนไลน์ และในสื่อมวลชนกระแสหลัก ที่ต้องมีการปรับตัวกันในทุกภาคส่วนของสังคม

โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า การจัดเวทีสัมมนาในวันนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อการขับเคลื่อนให้ตามยุทธศาสตร์ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในการส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และสร้างองค์ความรู้ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและใช้ประโยชน์สื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้ประชาชนและสังคม และเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจการสร้างฐานข้อมูลความรู้ เพื่อให้มีงาน Media Academy และ Media Learning Center ที่เท่าทันสถานการณ์สื่อและสังคม เพื่อส่งเสริมบทบาทพลเมืองในนิเวศสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป

ดร.ธนกร กล่าวต่อว่า เวทีในวันนี้เป็นการนำเสนอผลการศึกษา ที่ดำเนินการโดยโครงการ Media Alert และภาคี ใน 3 หัวข้อ ได้แก่ “แนวโน้มการสื่อสารออนไลน์ของสื่อและสังคมไทยปี 67”, บทบาทของสื่อและการยกระดับคุณภาพข่าวสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม และ “คุณภาพละครไทย” ในทีวีดิจิทัล กับ (ร่าง) เกณฑ์การประเมินของ กสทช. โดยหวังว่าผลที่ได้รับจากงานวิจัยจะเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วน และร่วมกันเป็นพลังในการขับเคลื่อนและสร้างระบบนิเวศของสื่อที่ดี รวมถึงสร้างภูมิคุ้มกันให้คนเท่าทันสื่อ

นายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนองานวิจัย “แนวโน้มการสื่อสารออนไลน์ของสื่อและสังคมไทยปี 67” โดยผลการวิจัยพบว่า ในปี 2567 ภูมิทัศน์สื่อออนไลน์กลับมาสู่สภาวะปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ที่มีความเข้มข้นทางการเมืองสูง เนื่องจากมีมีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองคือ การเลือกตั้งทั่วไป เกิดขึ้น โดยในปี 2567 กลุ่มเนื้อหาที่ได้รับความสนใจคือ กลุ่มสื่อบันเทิง สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของกระแสวัฒนธรรมประชานิยม และความสนใจในบุคคลสำคัญที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาพรวมการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารในโลกออนไลน์นั้น พบว่า TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการโพสต์วิดีโอสั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างการมีส่วนร่วมสูงสุด สำหรับภาพรวมของผู้สื่อสารในโลกออนไลน์ พบว่าอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หรือผู้มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทในการสื่อสารสูงสุดในสังคมไทย สื่อหลักหรือสำนักข่าวมีบทบาทที่ลดลง

ผศ.ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม รองคณบดีด้านวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการกลุ่ม Thai Media Lab นำเสนองานวิจัย “บทบาทของสื่อและการยกระดับคุณภาพข่าวสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม” ซึ่งเป็นการศึกษาบทบาทการรายงานข่าวการเมือง กรณีศึกษาข่าวข้าว 10 ปี, บทบาทการรายงานข่าวน้ำท่วม, บทบาทการรายงานข่าวเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน, ศึกษาการรายงานข่าวภาคค่ำ ทีวีดิจิทัล 9 รายการ โดยจากผลการวิจัยพบว่า สื่อยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวาระข่าวสารของสังคม และผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ พบความพยายามในการให้คำอธิบาย ขยายความ (Explain) ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมมีข้อเสนอว่า ควรมีการขยายบทบาทการทำข่าวที่มีการเจาะลึกและส่งเสริมการทำข่าวที่เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้มากขึ้น และผู้นำเสนอข่าวควรระมัดระวังในการนำเสนอหรือเล่าข่าวอย่างใส่ความคิดเห็นหรือเร้าอารมณ์

รศ.ดร.เสริมศิริ นิลดำ อาจารย์สาขาดิจิทัลมัลติมีเดีย คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้นำเสนองานวิจัยหัวข้อ “คุณภาพละครไทย” ในทีวีดิจิทัล กับ (ร่าง) เกณฑ์การประเมินของ กสทช. โดยเป็นการทดสอบ (ร่าง) เกณฑ์ ดังกล่าวฯ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ละคร 4 เรื่อง แบ่งเป็น ละครเรท “ท” สงครามสมรส และนางฟ้ากรรมกร และละครเรท “น13+” คือ ลมเล่นไฟ และใจซ่อนรัก ผลการศึกษาพบว่าการจัดเรทอาจไม่สะท้อนคุณภาพที่แท้จริง ปัญหาเกิดจากมาตรฐานการจัดเรทที่ไม่ชัดเจน และเป็นการใช้วิจารณญาณที่ต่างกันของผู้ผลิตและการกำกับดูแลของ กสทช. โดยในส่วนของ (ร่าง) เกณฑ์การประเมินคุณภาพรายการละคร นั้น เสนอให้มีการพัฒนามาตรวัดที่ละเอียดขึ้น ควรเปลี่ยนจากแบบ “พบ/ไม่พบ” เป็น มาตรประมาณค่า (Rating Scale) รวมถึงทบทวนตัวชี้วัดบางตัวที่สะท้อนถึงความนิยมแต่ไม่ได้บ่งบอกถึงคุณภาพ และมีข้อเสนอต่อผู้ผลิตควรออกแบบรายการที่สมดุลระหว่างความบันเทิงและสาระประโยชน์ เหมาะกับเรทกับเรทหรือการกำหนดความเหมาะสมของเนื้อหาสำหรับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ

หลังการนำเสนอผลการศึกษา เป็นการเสวนา “จากการสื่อสารของสื่อและสังคมไทยในปี 2567 สู่ข้อเสนอการสื่อสารที่สร้างสรรค์” นายเทพชัย หย่อง ผู้เชี่ยวชาญงานข่าว อดีตผู้บริหารองค์กรสื่อ องค์กรวิชาชีพสื่อในระดับประเทศและในภูมิภาคระหว่างประเทศ กล่าวว่า บทบาทที่เพิ่มขึ้นของ Influencer เกิดในหลายประเทศไม่ใช่แค่ประเทศไทย Influencer กับสื่อกระแสหลักไปด้วยกันได้ถ้าทำให้สังคมมีประเด็นถกเถียง แต่ก็มี Influencer ที่ใส่อารมณ์ ใช้ความคิดเห็น สื่อกระแสหลักหรือสื่อดั้งเดิมจึงยังมีความจำเป็นด้วยการรายงานข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ผ่านการตรวจสอบ ทั้งรับฟังเสียงสะท้อนของสังคม Social Media ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสื่อกระแสหลักในทุกประเทศ สื่อดั้งเดิมจึงต้องปรับตัว แต่การที่สื่อกระแสหลักต้องลดจำนวนคน ลดการลงทุนสร้างคน ในอนาคตคนทำข่าวอาจเป็นแค่คนพูดเก่ง ไม่มีนักข่าวสืบสวน ไม่มีผู้เชี่ยวชาญข่าวเฉพาะด้าน อย่างที่เคยมี สังคมต้องร่วมกันสร้างสื่อที่มีคุณภาพ ภายใต้การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องพยายามหาโมเดลการทำงานที่ผู้บริโภคสื่อมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้สื่อคุณภาพอยู่รอดได้ ขณะเดียวกัน ระบบสังคมและการศึกษา ต้องช่วยกันบ่มเพาะการเท่าทันสื่อให้สมาชิกสังคมตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อวิจารณญาณในการเลือก การรับสื่อ การวิเคราะห์สื่อ และการสะท้อนกลับต่อการทำหน้าที่ของสื่ออย่างมีคุณภาพ

นางสาวมณีรัตน์ กำจรกิจการ ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ในฐานะองค์กรกำกับดูแลสื่อ เกริ่นนำว่า ผลการศึกษาการสื่อสารออนไลน์ของ Wisesight และ Media Alert ทำให้เห็นบทบาทที่มาแรงของ Influencer แล้วคิดว่า การทำงานของ กสทช.ต้องเร่งเครื่อง จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อเร็วๆนี้ กสทช.เห็นชอบ(ร่าง)หลักเกณฑ์การสนับสนุนรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งมองทั้งวงจรไม่เฉพาะผู้ประกอบกิจการ แต่สนับสนุนกลไกการผลิต คุณภาพเนื้อหา เช่น การเสนอข่าวเชิงลึก การพัฒนาบทละครโทรทัศน์ ไปจนถึงช่องทางการเผยแพร่ สำหรับเรื่องสัญญาสัมปทานทีวีดิจิทัลที่จะหมดอายุลงใน ปี 2572 ทาง กสทช. เองก็จะใช้วิธีการประมูลหรือไม่ประมูล ถ้าใช้การประมูล ต้นทุนผู้ประกอบการก็จะสูง ถ้าไม่ใช้การประมูล อุตสาหกรรมก็ไปได้ แต่อย่างไรต้องมีการดูแลคุณภาพ สื่อหลักยังจำเป็นต้องมี เป็นแกนหลักเป็นเสาหลัก สิ่งที่ กสทช.ต้องดูแล คือ ส่งเสริมให้ต้นทุนลดลง มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ตัดกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก ส่วนในเรื่องการพัฒนาผู้บริโภคสื่อนั้น กสทช.อาจพิจารณาใช้ผ่านการจัดสรรเงินให้กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาก็ได้ โดยส่วนตัวมองว่า การพัฒนาคุณภาพสื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต หรือหน่วยงานกำกับดูแลเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ต้องมุ่งพัฒนาที่โครงสร้างในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของสังคมไทย โดยเริ่มตั้งแต่ระบบการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่คนทั้งสังคมต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้น

ดร.ชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้กล่าวปิดท้ายว่า ข้อเสนอจากกิจกรรมในวันนี้ไปไกลกว่าผลการวิเคราะห์เนื้อหาสื่อ เช่น พบปัญหาการจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหา การยืนยันว่าสื่อมวลชนยังมีความสำคัญ เป็นแหล่งข้อมูลเพื่อเนื้อหาของ Influencer และถึงเวลาแล้วที่องคาพยพทั้งหมดของประเทศไทยต้องขยับร่วมกัน โดยยกระดับให้สื่อเป็นวาระที่สำคัญของชาติ วางเป้าหมายร่วมกันในอนาคต และวางแผนแม่บทของการสื่อสาร โดยยึดเอาหลักการและมาตรฐานการทำหน้าที่ของสื่อในระดับสากล ตลอดจนหลักคุณธรรมจริยธรรมของไทย เป็นตัวตั้ง และพัฒนาร่วมกัน

สำหรับผู้สนใจอ่านสรุปผลการศึกษา สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊กของ Media Alert และเว็บไซต์กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์