รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ ในเทศกาลลอยกระทง พร้อมแจงสรรพคุณมากมายที่หลายคนยังไม่รู้
นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เทศกาลลอยกระทงเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมสืบสานประเพณีที่ดีงามของไทย
.
สำหรับเทศกาลลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นั้น ซึ่งเทศกาลดังกล่าวกล้วยก็มีส่วนสำคัญและผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมาอย่างยาวนาน คนไทยรู้จักใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย นอกจากบริโภคเป็นอาหารแล้ว ทุกส่วนของกล้วยยังนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ เช่น ในงานประเพณีต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นวัสดุ จากธรรมชาติช่วยลดภาวะก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย
กล้วยมีสารอาหารเกือบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ ในกล้วยน้ำว้า 1 ผลเล็ก (40 กรัม) มีพลังงาน 59 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและเกลือแร่ อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ กลุ่มวิตามินบี วิตามินซี กล้วยดิบ มีรสฝาด แก้ท้องเสียเนื่องจากมีสารแทนนิน รวมถึงช่วยสมานแผลในกระเพาะและลำไส้ กล้วยห่าม รสฝาดออกหวาน แก้ท้องเสีย ชดเชยโพแทสเซียมที่เสียไปกล้วยสุก รสหวาน บำรุงร่างกาย แก้ท้องผูก ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นและป้องกันโรคริดสีดวงทวารกล้วยสุกงอม มีรสหวานจัด บำรุงร่างกายเพิ่มพลังงาน เป็นกากใยช่วยในการขับถ่าย และมีคุณสมบัติต่อต้านมะเร็ง ลำต้นหรือหยวกกล้วยนิยมนำมาทำฐานกระทง ส่วน ใบตองสด นำมาใช้ในการทำอาหาร ห่อกับข้าว หรืองานศิลปหัตถกรรม เช่น กลีบกระทง บายศรี เป็นต้นนอกจากนี้กล้วยยังช่วยบำรุงผิวพรรณทำให้ผิวเนียนนุ่ม ลดริ้วรอย โดยนำกล้วยน้ำว้า 1-2 ผล น้ำผึ้งและนม ผสมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน อย่าให้เนื้อเหลวจนเกินไป ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ประมาณ 15-20 นาที สามารถนวดเบา ๆ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงแค่นี้ผิวหน้าจะเนียนนุ่ม
นอกจากสรรพคุณที่กล่าวแล้ว กล้วยยังเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ สามารถใช้รักษาแผล ในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการท้องเสีย มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย วิธีใช้ให้รับประทานครั้งละ 10 กรัม ชงด้วยน้ำร้อนปริมาณ 120 – 200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร สำหรับข้อควรระวัง ไม่ควรใช้กับผู้ที่มีอาการท้องผูก และการรับประทานยานี้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทพให้ท้องอืดได้
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ Call Center 02 5917007 ต่อกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์แผนไทยฯ