กรมชลประทาน แถลงข่าว“ปิดจ๊อบส่งน้ำฤดูแล้งพร้อมเดินหน้ารับมือฤดูฝนปี 63” หลังการจัดสรรน้ำ ฤดูแล้งที่ผ่านมา เป็นไปตามแผนฯที่วางไว้ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดผ่านพ้นวิกฤตแล้งมาได้ด้วยดี เดินหน้าเตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนอย่างเต็มศักยภาพ เน้นเก็บกักน้ำให้มากที่สุด
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 นับเป็นวันสิ้นสุดของการส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งของกรมชลประทาน(เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. 62 – 30 เม.ย. 63) สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก รวมทั้งแหล่งน้ำอื่นๆ ทั่วประเทศ(ณ 30 เม.ย. 63) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 35,590 ล้าน ลบ.ม.(46 % ของความจุฯรวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ13,016 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกัน 8,649 ล้าน ลบ.ม.(35 % ของความจุอ่างฯรวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 1,953 ล้าน ลบ.ม.
ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2562/63 ทั้งประเทศพบว่า ณ วันที่ 30 เม.ย. 63 มีการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นประมาณ 17,053 ล้าน ลบ.ม.(96% ของแผนฯ)(แผนวางไว้ 17,699 ล้าน ลบ.ม.) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา วางแผนจัดสรรน้ำไว้รวม 4,500 ล้าน ลบ.ม. โดยใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลักรวม 3,500 ล้าน ลบ.ม. อีกส่วนหนึ่งจะผันมาจากแม่กลอง 1,000 ล้าน ลบ.ม. ผลการใช้น้ำตลอดฤดูแล้งรวมทั้งสิ้น4,595 ล้าน ลบ.ม. ถือได้ว่าการใช้น้ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่วางไว้ ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเกษตรกรและประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด ทำให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเพียงพอ
สำหรับผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2562/63 ทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 4.75 ล้านไร่(แผนวางไว้ 2.83 ล้านไร่) แยกเป็นข้าวนาปรัง 4.21 ล้านไร่พืชไร่–พืชผัก 0.54 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน แต่จากการสำรวจพบว่ามีการทำนาปรังประมาณ 1.98 ล้านไร่เก็บเกี่ยวแล้ว 1.90 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองทำการเพาะปลูก
ทั้งนี้ ตลอดในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุมที่สุดเนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด เหตุจากในช่วงฤดูฝนปี 62 มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติ และแม่น้ำสายต่างๆ มีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยจำเป็นต้องจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ เป็นหลัก พร้อมกันนี้ยังได้เดินหน้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่66 จังหวัด 275 อำเภอ 413 ตำบล 696 หมู่บ้าน ด้วยการสนับสนุนรถบรรทุกน้ำ 126 คัน คิดเป็นปริมาณน้ำกว่า 40 ล้านลิตร ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 832 เครื่องแบ่งเป็นการสูบน้ำช่วยเหลือด้านอุปโภคบริโภคและการเกษตร คิดเป็นปริมาณน้ำกว่า 349 ล้าน ลบ.ม.สูบน้ำและผันน้ำไปช่วยการประปา และอื่นๆ คิดเป็นปริมาณน้ำมากกว่า 1,180 ล้าน ลบ.ม. และยังมีเครื่องจักรกลอื่นๆอีก 332 หน่วย ที่ส่งเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งการซ่อม/สร้างทำนบ/ฝาย รวม 32 แห่งและการขุดลอกแหล่งน้ำอีก 39 แห่งด้วย
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้ดำเนินการจัดจ้างแรงงานชลประทานทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง จนถึงขณะนี้มีผู้เข้าร่วมรับการจ้างงานกว่า 48,080 รายแล้ว เกษตรกรหรือประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านหรือโทร.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมชลประทาน 1460
สำหรับการบริหารจัดการน้ำและการเตรียมการรับมือฤดูฝนปี 63 นั้น ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่ง ให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ รวมทั้งสำรวจสิ่งกีดขวางทาง และการกำจัดวัชพืชในแม่น้ำสายหลัก คู คลองต่างๆ การติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆเป็นไปตามเกณฑ์การเก็บกักที่วางไว้ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือน้ำล้นตลิ่ง อีกทั้ง ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน