“บิ๊กป้อม”ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมกำชับกรมชลฯรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

0
29873

เช้าวันนี้ (17 ต.ค. 65) ที่ห้องประชุมเมืองคนดี  ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี  พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ การเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และความคืบหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน  และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและบรรยายสรุปการดำเนินงาน

ดร.ทวีศักดิ์  ธนเดโชพล  รองอธิบดีกรมชลประทาน   เปิดเผยว่า  กรมชลประทาน  ได้ดำเนินโครงการแก้มลิงสระบัว (อ่างเก็บน้ำทุ่งกระจูด)  ตามแผนงานด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เพื่อแก้ไขปัญหาบรรเทาอุทกภัยในช่วงน้ำหลาก  และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนในการทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง   รวมทั้งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำให้กับพื้นที่ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะโครงการเป็นการก่อสร้างแก้มลิง  ขุดลอกพื้นที่สาธารณะ ประมาณ 750 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ไร่ สามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ 7,000,000 ลบ.ม.  พร้อมก่อสร้างถนนคันดิน  ประตูระบายน้ำ 1 แห่ง  ทางระบายน้ำ (WASTE WAY) 1 แห่ง  และท่อลอดถนนอีก 3 แห่ง แล้วเสร็จเมื่อปี 2563  ปัจจุบันสามารถช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย  และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำ เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร อาทิ สวนปาล์ม สวนยาง สวนผลไม้   ในพื้นที่ ต.ท่าสะท้อน  อ.พุนพิน  และต.ท่าเรือ  อ.บ้านนาเดิม  ประมาณ 2,979 ไร่   มีประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 600 ครัวเรือน   รวมทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ  เสริมรายได้พิเศษให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้อีกด้วย

สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำทั้ง 21 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 3,544 ล้าน ลบ.ม.   หรือคิดเป็นร้อยละ 63  ของความจุอ่างฯ รวมกัน ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ กรมชลประทาน  ได้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในพื้นที่ภาคใต้  ตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 65  ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัด   พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด สอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการเก็บกัก  ตรวจสอบอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ  หมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ  อาทิ  เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ  ไว้ประจำจุดเสี่ยง พร้อมใช้งานได้ทันที ตลอดจนร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำในประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี  ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการวางแผนและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากพื้นที่ภาคใต้กำลังเข้าสู่ฤดูฝน โดยให้เร่งสำรวจจุดที่เสี่ยงน้ำท่วม สิ่งกีดขวางทางน้ำ และรายงานต่อคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อกำหนดมาตรการรองรับต่อไป รวมทั้งทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบเป็นการล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ กรมชลประทาน เร่งสำรวจและซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำ และสถานีสูบน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ตลอดจนวางแผนเก็บกักน้ำไว้สำรองใช้ในฤดูแล้งหน้าด้วย