สธ.ยืนยัน พบหญิงไทยติดโควิด”โอมิครอน”ในประเทศคนแรกจากสามีนักบิน

0
15907

กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศราย แรกเป็นการติดเชื้อนำเข้าจากสามีที่เป็นนักบินที่เดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย ขณะที่กระทรวงสาสุขเตรียม เสนอพิจารณาชะลอการเดินทางกลับประเทศในระบบ เทสแอนโก ทุกประเทศ  หลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบกันแพร่ระบาดโอมิครอน เพิ่ม 2 เท่า

วันนี้(20 ธ.ค.)ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนานายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุ การเฝ้าระวังและคืบหน้าการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ โอมิครอน ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  11ธันวาคม- 19 ธันวาคม พบสายพันธุ์ โอมิครอนเพิ่ม 52 ราย แต่หากรวมยอดสะสมจากก่อนหน้านี้ด้วย ทำให้ไทยมีผู้ติดเชื้อโอมิครอน ทั้งหมด 63 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 0.13

ตอนนี้การแพร่ระบาด โอมิครอน อยู่ที่ร้อยละ 3   โดย1ใน 4 ของคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศพบว่าเป็น โอมิครอน ถือว่า อัตราการของสายพันธุ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สรุปได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา  อัตราการแพร่ระบาดสายพันธุ์ โอมิครอน เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วมากสอดคล้องกับการแพร่ระบาดจากทั่วโลก / โดยทุกรายยังคงมีความเชื่อมโยงกับการเดินทางมาจากต่างประเทศ ยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศ / สัดส่วนผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งเทสแอนด์โก และแซนบล็อก หรือเข้าสถานกักกัน พบการติดเชื้อเป็นสายพันธุ์ โอมิครอน  ถึง 1 ใน 4 /  ยังยืนยัน การตรวจ rt-pcr 72 ชั่วโมงก่อนมา และตรวจ rt-pcr เพียงครั้งเดียวเมื่อมาถึงประเทศไทย ยังสามารคตรวจจับ โอมิครอนได้

แต่มีข้อควรระวัง และควรพิจารณา คือ กรณีการเข้าประเทศ แบบ เทสแอนโก หรือ แซนบล็อค อาจให้ผู้ป่วยหลุดไปได้เนื่องจากอยู่ในระยะฟักตัว  อาจต้องพิจารณาปรับมาตรการ test and go

ทั้งนี้ โอมิครอน พบครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ที่ประเทศบอสวานาโดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นจัดอันดับขึ้นเป็นไวรัส ที่ต้องเฝ้าจับตาและเฝ้าระวัง  เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน

ข้อมูวันที่19 ธันวาคม การตรวจพบเชื้อ โอมิครอน อย่างน้อย 89 ประเทศและ 36 รัฐในสหรัฐอเมริกา สำหรับสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดทั่วโลกคือ BA.1

ส่วนการกังวล ต่อ การพบสายพันธุ์ย่อย ยืนยัน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงตรวจเจอ ซึ่งมียืนยันการตรวจ5 ตำแหน่ง ส่วนการแพร่ระบาดเร็วขึ้น ข้อมูลเบื้องต้น ที่มีการสรุปคือในประชากรที่ไม่มีภูมิต้านทานมาก่อนและไม่มีการควบคุมโรค สายพันธุ์ โอมิครอน จะแพร่เชื้อ 1 คนโดยสายพันธุ์อู่ฮั่น เฉลี่ยการแพร่ระบาดอยู่ที่2.5 คน /  เดลต้าอยู่ที่ 6.5 คน / ส่วนโอมิครอน อยู่ที่ 8.54 คน หรือแพร่ได้กว่า8คน

ข้อมูลจากให้แอฟริกาใต้ พบว่า แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยยืนยันและตัวอย่างในการทบทวนสูงเท่ากับเดลต้า  แต่จำนวนผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นช้า รวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีอัตราเพิ่มขึ้นเท่ากับการระบาดก่อนหน้านี้

สวนภูมิคุ้มกัน องค์การอนามัยโลก ระบุว่าอาจจะมีผลบ้าง ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีนลดลง แต่โอมิครอนไม่ได้กระทบต่อ T เซลล์ หรือ G เซลซึ่งเป็นกลไกของร่างกายที่จะไปต่อสู้กับไวรัส

โดยวัคซีนที่เป็นเข็มกระตุ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนและภูมิในการสู้กับไวรัส

ตอนนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ระหว่างการเพาะเชื้อไวรัสโอมิครอน โดยพบว่ามีปริมาณเชื้อเริ่มเพิ่มขึ้นเพื่อจะนำไปทดลองกับประสิทธิภาพของวัคซีน คาดว่าผลการทดสอบ จะออกในช่วงปีใหม่

ขณะที่ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยตอนนี้เริ่มคลี่คลาย แต่ต้องเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ

สำหรับกรณีที่หญิงคนไทยที่ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์โอมิครอน รายแรกในไทย  เป็นการสัมผัสกับสามีชาวโคลัมเบีย อาชีพนักบิน  โดยสามีได้เดินทางถึงไทยวันที่ 26 พฤศจิกายน และได้รับการตรวจเชื้อครั้งแรกถึงไทย ผลเป็นลบ จากนั้นเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยเข้ามาในระบบเซ็นบล็อค  และเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ผลตรวจเป็นลบ 29 พ.ย. ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล  30 พ.ย. อยู่ในโรงแรมตลอด  1 ธ.ค. สามีไปฉีดวัคซีน หลังฉีดมีไข้ตัวร้อน 2 ธ.ค. สามีตรวจ ATK ที่โรงแรมผลเป็นลบ แต่ยังมีไข้จึงไปโรงพยาบาล ผลตรวจเป็นลบ เอ็กซเรย์ปอดปกติ 3 ธ.ค. ออกจากโรงแรมที่กักตัว รถโรงแรมมาส่งห้าง และกลับบ้านแถวลำลูกกา 4-6 ธ.ค. อยู่บ้าน มีไข้ เจ็บคอ ภรรยาดูแลคนเดียว  6 ธ.ค. ตรวจ ATK ผลเป็นลบ 7.ธ.ค. อาการไม่ดีขึ้น เหนื่อย ภรรยาพาไปโรงพยาบาล ผลตรวจเป็นบวก แพทย์สงสัยเป็นโอมิครอน ส่งตรวจสายพันธุ์ และแอดมิทสามี ส่วนภรรยากกักตัวที่บ้าน  10 ธ.ค. ภรรยารับการตรวจที่โรงพยาบาล ผลตรวจติดเชื้อ ผลตรวจสายพันธุ์ยืนยันโอมิครอน 12 – 19 ธ.ค. ภรรยาแอดมิทโรงพยาบาล ผลตรวจสายพันธุ์ยืนยันเป็นเชื้อโอมิครอน เป็นคนแรกในประเทศที่ติดเชื้อจากผู้เดินทางในประเทศ

ส่วนการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ โอมิครอน  ข้อมูลจากทั่วโลกพบว่า การระบาดเพิ่มเป็น 2 เท่าในช่วง 3 วันที่ผ่านมา อย่างเช่น เนเธอร์แลนด์ ได้มีการสั่งล็อคดาวน์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด โควิด สายพันธุ์  โอมิครอน ซึ่งระยะล็อคดาวน์จะครอบคลุมไปถึงช่วงคริสมาสต์ รวมถึงในหลายประเทศที่เริ่มมีการจำกัดการเดินทาง

ข้อมูลผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรทางอากาศ  ตั้งแต่วันที่ 1- 19 ธันวาคม เข้าระบบเทสแอนโก138,181 ราย      แซนบล็อค  1,849  ราย สถานกักกัน 7 วัน 794 ราย  เข้าสถานกักกัน 10 วัน 2,635 ราย เข้าสถานกักกัน 14 วัน 386 คน ทุกรายที่เข้ามาในประเทศ ที่พบการติดเชื้อทุกรายจะถูกนำส่งตรวจสายพันธุ์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลต้า ส่วน โอมิครอน เจอ 1 ใน 4

ส่วนพฤศจิกายน มีผู้ติดเชื้อจากการเดินทางเข้าประเทศทางอากาศ  171 ราย แบ่งเป็น ในระบบเทสแอนโก 83  ราย  แซนบล็อค  44 ราย เข้าสถานกักกัน 44 ราย

ในช่วงเดือนธันวาคม มีผู้ติดเชื้อ 348 ราย แบ่งเป็น ระบบ เทสแอนโก 204 ราย  แซนบล็อค  49 ราย  สถานกักกัน 95 ราย จึงเป็นที่มาที่จะเตรียมพิจารณากันทั่วประเทศ แบบเทสแอนโกในช่วงเดือนธันวาคม  พบว่า ผู้เดินทางมาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 รองลงมาสหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สิงคโปร์ ซาอุดิอาระเบีย นอร์เวย์ เกาหลีใต้พบการติดเชื้อมากที่สุด คือการเดินทางมาจากสหราชอาณาจักร 60 ราย หรือ คิดเป็น 0.5 คน

ส่วนครัสเตอร์ ที่เดินทางกลับมาจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาประเทศซาอุดิอาระเบีย 3 ราย พบว่าทั้งหมดเมื่อวันที่ 13-14 ธันวาคมพบกลุ่มผู้เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบียกับถึงประเทศไทยโดยทั้งหมดเข้าโรงแรมที่จังหวัดภูเก็ตในรูปแบบ Test and gold จำนวน 133 ใดและพบผู้ติดเชื้อ 3 รายกระจายอยู่ในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดนราธิวาส

โดย3คน ที่พบติดเชื้อ พบสายพันธุ์ โอมิครอน  1 ราย / และอีก2 ราย เป็นสายพันธุ์เดลต้า ดอยทั้งหมดได้รับวัคซีนโควิด-19  แล้ว

ทั้งนี้ ผู้ร่วมเดินทาง 133 ราย ติดเชื้อ 3 ราย / สัมผัสใกล้ชิดอย่างสูง 4 ได้สัมผัสใกล้ชิดเสียงต่ำ 126 ราย และอยู่ระหว่างติดตามอาการจนครบ 14 วันผลตรวจ rt-pcr ครั้งแรกเป็นลบทุกคน โดยพฤติกรรมมีการสัมผัสใกล้ชิด

โดยเน้นย้ำผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศขอให้สมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาและปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอยู่

ส่วนอีกครัสเตอร์ เป็นอีกคณะในกลุ่มผู้เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย  พบติดเชื้อ  คิดเป็นร้อยละ 58.06

ในกลุ่มนี้เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา 31 คน เมื่อต้นเดือนธันวาคม 15 ธันวาคมเดินทางกลับถึงไทยเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งและได้รับการตรวจ rt-pcr จากโรงพยาบาลพบ 14 รายจากนั้น 9 ธันวาคมพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 รายเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและ 20 ธันวาคมพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 รายที่โรงพยาบาลอยุธยา

ในกลุ่มนี้มีผู้สัมผัสเสียงสูง 15 คนร่วมคณะทัวร์ 13 คนและเป็นผู้สัมผัสบนเครื่องบินอีก 2 คน โดยอีก 2 คนอยู่ระหว่างการติดตาม

ทั้งหมด 18 ราย พบ โอมิครอน  6  ราย  เดลต้า 8 ราย /  และเป็นผู้สัมผัสเสียงสูง.13 ราย / และอยู่ระหว่างรอสายพันธุ์ 2 คน

โดยขณะนี้ ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้ออาการหนัก ผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง พบการระบาดในลักษณะกลุ้มก้อนกระจายทุกภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง // ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิค 19 สายพาน โอมิครอน รายแรกในประเทศไทย ติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้าประเทศยังไม่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนจาก สายพันธุ์โอมิครอน ภายในประเทศ

สัดส่วนผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าประเทศในรูปแบบ เทสแอนโก เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบระหว่างเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม  //ตอนนี้เร่ง ตรวจสายพันธุ์ โอมิครอนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วย /  และกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำข้อเสนอ ให้ ศปก.ศบค. พิจารณา  ถึง การชะลอ เดินทางเข้าประเทศ ในรูปแบบ เทสแอนโก สำหรับผู้เดินทางมาจากทุกประเทศ และพิจารณาปรับใช้มาตรการกักตัวในระบบสถานจากการหรือการบล็อกนาน 7-10 วันแทน

โดยในช่วงปีใหม่ขอให้ทุกสถานที่แนะนำแนวทาง covid ฟรีเซฟตี้มาบังคับใช้และการตรวจหาเชื้อด้วย ATK และขอให้ประชาชนชะลอการเดินทางไปต่างประเทศค่ะไม่มีเหตุจำเป็น / แต่หากจำเป็นต้องเดินทางขอให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

และกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนขอให้เขารับวัคซีน covid19 โดยด่วนรวมทั้งการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ตามเกณฑ์ระยะเวลาที่ต้องเข้ารับ นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขให้บริการประชาชนรับการตรวจหาเชื้อ covid19 ด้วยชุดตรวจแอนติเจนเทสคิด  รวมทั้งให้บริการฉีดวัคซีน covid19 ที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศและเพิ่มจุดให้บริการบริเวณสถานีขนส่งในจังหวัดที่มีผู้เดินทางจำนวนมากด้วย