“บุหรี่ไฟฟ้า” หยุดสูบ หยุดตาย!!!

“วัยรุ่นจำนวนมาก มีความเข้าใจผิดร้ายแรง ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย”

– ละอองไอน้ำบุหรี่ไฟฟ้ามีฝุ่นขนาดเล็ก PM 1.0 และ pm 2.5 จำนวนมาก

-มีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาร์ลดีไฮด์ ไดอะซิทิล และอโครลิน รวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว

– บุหรี่ไฟฟ้า มีนิโคติน และงานวิจัยพบว่า แม้ชนิดที่ไม่มีนิโคติน แต่สารเคมีอื่นที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นอันตรายต่อปอด หัวใจและหลอดเลือด

-กลิ่นหอมในบุหรี่ไฟฟ้าเกิดจากสารเคมีปรุงแต่ง แม้สารเหล่านี้จะปลอดภัยเวลาผสมกินเป็นอาหาร แต่ไม่ปลอดภัยที่จะหายใจเข้าสู่ปอด

-การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้สมองได้รับนิโคตินใน 10 วินาที สมองของวัยรุ่นอยู่ในระหว่างการพัฒนา ทำให้เสพติดนิโคตินได้ง่าย

– งานวิจัย พบว่า วัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีการทดลองสูบบุหรี่ธรรมดาและสารเสพติดอย่างอื่นเพิ่มขึ้น
(ข้อมูลจาก มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่)

.
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหัฐอเมริกา พบ การเจ็บป่วยด้วยโรคปอดมีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ถึง450 ราย ในระยะเวลา2เดือน โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 7 ราย จากบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่เรียกร้องให้ประชาชนและวัยรุ่น เลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้า หลังมีข้อมูลว่า ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าชนิดไม่มีนิโคติน ก็สามารถเกิดการอักเสบของปอด และระบบไหลเวียนของโลหิตได้

อาการจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เริ่มต้นด้วยอาการไอแห้ง เจ็บแน่นหน้าอก อาจมีไข้ ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ อาเจียน บางรายเป็นรุนแรงและรวดเร็วถึงขั้นการหายใจล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยเกิดกับวัยรุ่นและวัยทำงานที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ปี ซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น โดยภาวะจากการเกิดในการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ต่างจากโรคถุงลมโป่งพองที่เกิดจากการสูบบุหรี่ธรรมดา ที่เนื้อปอดจะเสียหายช้าๆ กว่าจะถึงขั้นหายใจล้มเหลวต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพียงไม่นาน ก็ส่งผลต่อปอดได้เร็วกว่าบุหรี่ธรรมดา

#บุหรี่ไฟฟ้า #AllnewsExpress