รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ระบุว่า ไวรัส rsv เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ขวบ และเด็กอายุต่ำกว่า2 ขวบ ที่พบบ่อยและจำนวนมาก
ขณะที่ โควิด-19 ไม่ค่อยเกิดขึ้นในเด็ก โดยเด็กจะติดเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างน้อย เมือเทียบกับผู้ใหญ่
” สิ่งที่เหมือนกันของทั้ง2โรคนี้ คือ ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจทั้งคู่ ความรุนแรงก็จะแตกต่างกันไปตามอาการของบุคคล หากมีอาการรุนแรงมากเชื้อก็จะลงปอด ปอดอักเสบ ยิ่งหากเกิดโรคในเด็กเล็กๆก็จะอันตรายมากเหมือนกัน
ส่วน โควิด-19 มักจะเกิดความรุนแรงของโรค ในคนที่มีอายุมาก และมีโรคประจำตัว โดยทั้ง2โรค ยังไม่มียารักษาเฉพาะ และยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ซึ่งการรักษาก็จะรักษาตามอาการ” นพ.ทวี กล่าว
ช่วงนี้rsvในเด็กกำลังระบาด บ้านไหนมีเด็กเล็ก หากมีอาการป่วยถึงแม้ไม่มากให้หยุดเรียนทันที เพื่อลดการติดต่อยังเด็กคนอื่น
” สถานการณ์ ช่วงนี้ พบเด็กที่ป่วย โรคrsv ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ป่วยด้วยเชื้อrsv เชื้อจะลงปอด ทำให้มีอาการปอดอักเสบ หอบเหนื่อย เนื่องจากว่า ในเด็กเล็กท่อทางเดินหายใจ จะมีขนาดเล็กกว่าคนโต ทำให้เสมหะต่างๆไปอุดตันได้ง่าย ผู้ป่วยก็จะมีอาการหอบเหนื่อยได้ง่ายกว่า เพราะฉะนั้นในเด็กเล็กหากป่วย แล้วมีอาการ หอบเหนื่อย มีความจำเป็นจะต้องให้เฝ้าดูอาการที่ โรงพยาบาล เพื่อทำการรักษา”
สำหรับวิธีการป้องกัน
-ผู้ปกครอง หมั่นให้ บุตรหลาน ล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดต่อทางการสัมผัส
-หลีกเลี่ยงสถานที่คนจำนวนมาก
-ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ
– ให้เด็กดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อลดภาวะขาดน้ำและช่วยขับเสมหะออกจากร่างกาย
– แยกอุปกรณ์และภาชนะต่าง ๆ ของเด็กแต่ละคน ไม่ควรใช้ร่วมกัน
-สถานที่เสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น สถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล หรือตามสถานที่ชุมชน หากพบเด็กมีอาการเจ็บป่วย คล้ายไข้หวัด ให้หยุดเรียน เพื่อเฝ้าระวังอาการจนหาย…
ไวรัส RSV ปัจจุบันยัง ไม่มีวัคซีน ป้องกัน แพทย์จึงใช้วิธีการรักษาตามอาการ เช่นการให้ยาประคับประคองอาการ ส่วนเด็กบางรายที่มีลักษณะของหลอดลมตีบ ก็อาจจะมีการให้ยาพ่น ให้ออกซิเจน เพื่อเพิ่มความชื้น ความชื้นเหล่านี้จะทำให้เสมหะต่างๆที่อุดอยู่ในหลอดลมต่างๆ เมื่อไอ เสมหะ จะหลุดออกมาได้ง่าย รวมถึงการเคาะปอดและดูดเสมหะ.
